วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

1.ดิสก์ไดร์ฟ (Disk Drive)

ก่อนที่จะทำการลงมือจัดการกับอาการหนึ่ง ๆ ขอให้เช็คลิสต์ต่อไปนี้ เพื่อค้นหาสาเหตุ เสียก่อน ดังนี้
- ตรวจตราแผ่นดิสก์ที่ใช้ ดูความสะอาดของแผ่น รวมถึงร่องรอยความเสียหาย ลองใช้ดิสก์นี้กับเครื่องอื่นดูบ้าง เพื่อดูว่าอ่านได้หรือไม่ ถ้ากำลังทำการเขียน ให้ดูว่า สื่อ ดิสก์ที่ใช้ได้การรับรองว่ารันได้ตามความเร็วการเขียนที่ใช้อยู่หรือไม่ มิฉะนั้นแล้ว ก็ให้ ลดความเร็วการเขียนลง และลองเขียนใหม่อีกครั้ง

- ตรวจดูโค้ดแจ้งข้อผิดพลาดของไดรฟ์ ไดรฟ์บางชนิด ใช้เฟิร์มแวร์ที่มีการ แสดงผลกระพริบ LED เป็นตัวบอกถึงสาเหตุปัญหาภายในตัว ดูเอกสารจากผู้ผลิตเพื่อดูโค้ดนั้นบอกถึงอาการใด ส่วนใหญ่ แล้ว โค้ด LED ก็จะบอกถึงข้อบกพร่องของไดรฟ์ ซึ่งควรเปลี่ยนไดรฟ์ใหม่ทันที

- ตรวจการจ่ายไฟเข้าไดรฟ์ ไดรฟ์ซีดีรับไฟผ่านเข้าหัวต่อมาตรฐานแบบ 4 พิน ถ้าไฟ LED ของไดรฟ์ไม่ติด ให้ตรวจ สายจ่ายไฟว่าเสียบแน่นหรือไม่ อย่าให้สาย Y หรือสายต่อแยกที่ต่อแยกไดรฟ์อีกตัว อาจเป็นผลให้ไดรฟ์ทำงานผิดพลาดได้

- ตรวจสายสัญญาณ ตรวจดูว่าการติดตั้งไดรฟ์ใหม่มักพบว่าต่อสายไว้ไม่แน่น หรือไม่ก็เสียบสายผิดด้าน ส่วนไดรฟ์ที่ ติด ตั้งไว้อยู่แล้วก็ยังพบว่ามีอุบัติเหตุสายหลุดได้เหมือนกัน ให้ตรวจสอบปลายทั้งสองด้าน หากพบว่าสายมีรอยหัก ถลอกหรือเสีย หายแบบใด ๆ ก็ต้องเปลี่ยนใหม่

- ตรวจสายออดิโอ ตรวจดูว่าสายนี้ติดตั้งไว้ถูกต้องทั้งสองปลาย ปัญหาส่วนใหญ่ในส่วนนี้มักมาจากเสียบสายออดิโอ ไว้ ผิดขั้วบนการ์ดเสียง สาเหตุอื่น ๆ ก็อาจเป็นกรณีที่เสียบสายไม่ถูกต้องใช้พินผิดตำแหน่งระหว่างไดรฟ์ซีดีและส่วนการ์ดเสียง ให้ลองเปลี่ยนใหม่

- ตรวจดูจั๊มเปอร์ กำหนด ID ของไดรฟ์ ATAPI IDE CD ต้องถูกคอนฟิกเป็น "Master " หรือ "Slave"และไดรฟ์ SCSI CD ต้องใช้ SCSI ID ที่ไม่ซ้ำค่ากัน ตรวจสอบซ้ำในตำแหน่งจั๊มเปอร์บนไดรฟ์ว่ากำหนด ID ไว้ถูกต้อง แล้วและ ไม่ ขัดแย้งกันไดรฟ์อื่นที่อยู่บน controller channel เดียวกัน ตัวอย่างเช่น การกำหนดไดรฟ์สองตัวบนแชนเนลเดียววกันเป็น "Master" ทั้งคู่ก็จะมีปัญหากับในระบบ ให้หลีกเลี่ยงการใช้แบบ "cable select " กับไดรฟ์ ATAPI IDE เนื่องจาก จะต้องใช้สายชนิดพิเศษที่ไม่ค่อยมีพร้อมมากับไดรฟ์ส่วนใหญ่

- ตรวจดูว่าในไบออสรู้จักกับไดรฟ์หรือไม่ ถ้าไดรฟ์ซีดีไม่มีการตอบสนอง ให้ดูในไบออส ในตอนสตาร์ท ครั้งถัดไป ไดรฟ์สมัยใหม ่จะแจ้งหมายเลขรุ่นและข้อมูลผู้ผลิตในไบออสตอนบูตด้วยพร้อม ๆ กับข้อความแจ้ง ส่วนฮาร์ดดิสก์ และ ไดรฟ์ชนิดต่าง ๆ คุณอาจสตาร์ท cmos setup และตรวจสอบว่าได้กำหนดเป็นแบบ"autodelect" หรือ "auto-configure" ถ้ากำหนดไว้เป็น "none" หรือ"not installed" ไบออสก็จะไม่ตรวจจับไดรฟ์ในตำแหน่งนี้ หากเป็นกรณีที่ เคยใช้ไดรฟ์ได้อย่างปกติมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่พบก็ให้ตรวจสายจ่ายไฟและสายสัญญาณ หรือก็อาจเป็นไปได้ว่าไดรฟ์เสียแล้ว

- ตรวจดูว่า Windows จำไดรฟ์ได้หรือไม่ windows ควรที่จะจำไดรฟ์ซีดีได้ หากติดตั้งไว้อย่างถูกต้อง และแสดง รายการไว้อย่างถูกต้องใน Drvice Managerให้ตรวจดูในDrvice Manager และดูว่าแสดงรายชื่อถูกต้องหรือไม่ ถ้าแสดงรายการไว้เลย ก็แสดงว่า windows จะยังใช้ไดรฟ์ไม่ได้อีก ข้อบกพร่องก็น่าจะอยู่ที่สายจ่ายไฟ สายสัญญาณ หรือ ตัวไดรฟ์ หากแสดงรายการของไดรฟ์ แต่ชื่อไม่ถูกต้องให้ลองลบหรือ remove รายการนั้นออกจาก Drvice Manager แล้วรีบูตเพื่อให้ windows ตรวจจับไดรฟ์ใหม่อีกครั้ง

- ตรวจการอัปเดตไดรเวอร์ windows เวอร์ชันปัจจุบัน มีไลบรารีของไดรเวอร์ของไดรฟ์ซีดีชนิดต่าง ๆ ค่อนข้าง ครอบคลุมมาก อย่างไรก็ตาม ปัญหาไดรฟ์และข้อผิดพลาดต่าง ๆ ก็ยังอาจเกิดขึ้นได้อยู่จึงควรที่ตรวจสอบ การอัปเดตจากผู้ ผลิต เมื่อได้ดาวน์โหลดไดรเวอร์ที่ถูกต้องมาแล้วให้ใช้แท็บdriverในไดอะล็อก Properties ของไดรฟ์ซีดีนั้น ๆ เพื่อเริ่ม ต้นกระบวนการอัปเดต

- ตรวจการอัปเดตเฟิร์มแวร์ เป็นโปรแกรมที่เป็นตัวดำเนินการต่อไดรฟ์ซีดี และปกติจะถูกบันทึกอยู่บน ชิปที่อยู่ในส่วน ชุดอิเล็กทรอนิกส์ มีบางกรณีที่เฟิร์มแวร์อาจมีข้อบกพร่องจนเป็นผลให้ไดรฟ์เกิดปัญหาได้ปกติมักจะเกิดเมื่อจับคู่ฮาร์ดแวร์กับ os เวอร์ชันหนึ่ง ๆขณะหสไดรเวอร์อัปเดต ก็ควรที่จะดูการอัปเดตเฟริร์แวร์ด้วย

- เปลี่ยนไดรฟ์ใหม่ ถ้าขั้นตอนต่าง ๆ ที่กล่าวในข้างต้นนี้ยังไม่ช่วยแก้ปัญหาของไดรฟ์ซีดีได้เลย ก็อาจต้งถึงขั้นเปลี่ยน ไดรฟ์ตัวใหม่ที่ใช้ยี่ห้อและรุ้นอื่น วิธีนี้อาจช่วยแก้ไขได้ในเรื่องของ คอมแพทิเบิลหรือปัญหาด้านสมรรถนะที่อาจเกิดขึ้นได้ ในบางครั้ง

ปัญหาที่เกิดจาก CD-ROM Drive 
ได้รับแจ้งข้อความว่า "Buffer underrun at sector"
คำว่า "Buffer underrun" เป็นตัวแจ้งบอกว่ามีการขัดจังหวะในการไหลของ ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์เข้าสู่เครื่องบันทึกซีดี เป็นเวลานาน พอจนทำให้บัฟเฟอร์ของซีดีว่างเปล่าลง และมีผลทำให้กระบวนการเขียนนี้ยุติลง ถ้าเกิดสิ่งนี้ขึ้นระหว่าง ดำเนิน การเขียนจริง แผ่นซีดีนั้นก็อาจจะเสียหายไปเสียแล้ว เพื่อหลีกเลียงปัญหา Buffer underrun คุณควรจะลดโหลดภาระ ต่าง ๆ ของระบบลงให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ให้แน่ใจว่าสกรีนเซฟเวอร์ หรือโปรแกรมแบบฝังตัวในหน่วยความจำ ให้ ปิดวินโดวส์ใด ๆ ที่เปิดอยุ่ลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูว่าฮาร์ดดิสก์ขณะนั้นไม่ควรทำงานผ่านเน็ตเวิร์ก

ข้อผิดพลาดบ่งชี้ว่าดิสก์ปลายทางมีขนาดเล็กกว่าดิสก์ต้นทาง
ข้อผิดพลาดนี้มักเกิดขึ้นเมื่อคุณพยายามจำทำซีดีที่มีอยู่แล้วไปยัง CD-R ไม่มีพื้นที่เพียงพอในแผ่น CD-R ที่จะคัดลอก จาก ซีดีต้นทาง ให้ลองใช้แผ่นเปล่า CD-R ใช้แผ่นขนาด 74 นาทีแทนที่จะใช้แผ่นขนาด 60 นาที 

ได้รับแจ้งข้อความว่า "No write data (buffer empty)"
การไหลของข้อมูลเข้าไดรฟ์ CD-R ต้องมีความน่าเชื่อถือ ( reliable ) อย่างยิ่งเพื่อให้บัฟเฟอร์ที่กำลังใช้งาน ที่ตคอยจัด เตรียมข้อมูลให้พร้อมในการเขียนลงดิสก์อยู่นั้ไม่ว่างลง คำาแจ้งนี้บ่งบอกว่าการไหลข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์เข้า เครื่องบันทึก ซีดีถูกขัดจังหวะ ( คล้ายกับข้อผิดพลาด " Buffer Undrrun ) ให้แน่ใจว่าในขณะทำการเขียนดิสก์ไม้ได้ใช้สกรีนเซฟเวอร์ ยูทีลิตี้ TSR ใด ๆ หรือเปิดวินโดว์ใด ๆ ที่อาจส่วผลขัดจังหวะการทำงานเขียนดิสก์ได้ และฮาร์ดดิสก์ที่นำมา ใช้งาน นี้ไม่ ควรจะทำงานผ่านเน็ตเวิร์ก เรื่องต้องสงสัยต่อมาก็คือการเซ็ตอัป SCSI ตำแหน่งของเครื่องบันทึกซีดีแบบ SCSI ใน SCSI chain หรือความยาวของสาย SCSI ระหว่างอัปเต็ทเตอร์ SCSI และเครื่องบันทึกซีดี ซึ่งอาจเป็น ตัวการทำ ให้ส่ง ข้อมูลช้าลงด้วย ให้พยายามต่อเครื่องบันทึกซีดีไว้เป็นอุปกรณ์ตัวแรกของ SCSI chain ( คุณอาจจำเป็นต้องทำ ส่วนปลาย จบของ SCSI chain ใหม่อีกครั้ง ) และทำให้สาย SCSI สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ได้รับแจ้งว่า " Read file error " 
ไฟล์ตามที่อ้างอิงาจาก Vitrual image database ( เมื่อเขียนแบบ on the fly ) ไม่สามารถหาตำแหน่งได้พบหรือเข้าถึงได้จากไดรฟ์ต้นทาง ให้แน่ใจว่าไฟล์ต้องสงสัยนี้ไม่ได้ถูกใช้อยู่ทั้งจากคุณและคนอื่นบนเน็ตเวิร์ก ไฟล์นี้ยังอาจเสียหายก็ได้ให้ออกจากแอปพลิเคชั่น CD-R และรัน ScanDisk และ Defrag เพื่อตรวจสอบระบบไฟล์เพื่อค้นหาปัญหา คุณอาจจำเป็นต้องโหลดไฟล์ต่าง ๆ ทีเสียหายจากที่ทำสำรองเข้ามาใหม่

ได้รับแจ้งข้อความว่า " Write emergency "
ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นถ้าไดรฟ์ถูกขัดจังหวะระหว่างทำการเขียน มักพบในกรณีเขียน Red Book audio แต่ก็ยังเกิดขึ้น ได้กับการบันทึกข้อมูลด้วย ตัวอย่างเช่น อาจมีอนุภาคฝุ่นอยู่ทำให้เลเซอร์กระโดดข้ามไปบางแทร็ก ส่วนใหญ่แล้วก็จะทำให้ CD-R เสีย และต้องกระทำการเขียนบันทึกใหม่ด้วยแผ่นซีดีคุณภาพดี

ไม่สามารถเพิ่มข้อมูลเข้าในดิสก์ CD-RW ได้อีก
มีอยู่หลายสาเหตุที่มีผลป้องกันไม่ให้เพิ่มไฟล์เข้าไปในดิสก์ที่เคยเขียนไปแล้ว อย่างแรก ตรวจสอบพื้นที่ว่าง บนดิสก์คุณไม่ สามารถเพิ่มไฟล์ขนาด 100MB เข้าบนดิสก์ที่เหลือพื้นที่ว่างเพียง 50MB ต่อมาให้ดูที่ความแตกต่าง ระหว่างไดรฟ์และ ซอฟท์แวร์ คุณอาจพบปัญหาการเปลี่ยนเวอร์ชันของซอฟท์แวร์ หรือนำไปเขียนบนพีซีอีกตัวที่ใช้ไดรฟ์และซอฟท์แวร์ต่างไป

ไดรฟ์ CD-ROM ไม่อ่านดิสก์ CD-RW 
เป็นปัญหาที่มักพบในเรื่อของไดรฟ์รุ่นเก่า CD-ROM เองที่เป็นรุ่นเก่าเกินไป ในไดรฟ์ CD-ROM รุ่นเก่าปกติ จะไม่ คอมแพทิเบิลกับ Multi-Read/UDF และไม่สามารถอ่านดิสก์ UDF formated ได้ เครื่องเล่น CD audio ก็ไม่ สามารถอ่านดิสก์ UDF ได้ ถ้า CD-ROM ของคุณไม่เป็น Multi-Read-complaint คุณก็จำเป็นต้องอัปเกรดเป็นรุ่นที่ Multi-Read-complaint หรือบันทึกดิสก์ของคุณในรูปแบบของ ISO9660 ที่ใช้ไดรฟ์ CD-RW หรือ CD-R ได้รับ แจ้งข้อผิดพลาดว่า "CD-RW isnot under Direct CD control"โดยทั่วไปจะพบปัญหานี้เฉพาะใน Windows 9x/Me เมื่อคุณพยายามจะลบ ฟอร์เมต หรือคัดลอกข้อมูลไปยัง CD-RW (แต่จะไม่พบปัญหาเช่นนี้ใน Windows XP) ปัญหาชนิดนี้มักพบเมื่อใช้ไดรฟ์ Ricoh CD-RW กับซอฟต์แวร์ Roxio (Adaptec) Direct CD ปัญหานี้สามารถ เกิดได้เมื่อไดรฟ์ CD-RW ใช้เฟิร์มแวร์รุ่นเก่า (ตัวอย่างเช่น ไดรฟ์ Ricoh CD-RW ที่มีเฟิร์มแวร์ v.2.03 หรือก่อนหน้า) หรือถ้าคุณใช้ Roxio (Adaptec) DirectCD 2.0 หรือก่อนหน้า ให้ลองอัปเดตเฟิร์มแวร์ ของไดรฟ์และ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ เขียนซีดี

สื่อ CD-RW ไม่สามารถนำมาใช้ได้เมื่อ UDF format ถูกขัดจังหวะ
ถ้าไฟดับในขณะฟอร์แมตดิสก์ CD-RW ดิสก์นี้ก็จะนำไปใช้กับแอปพลิเคชั่นใด ๆ อีกไม่ได้ และจะทำการฟอร์แมต อีกครั้ง ไม่ได้ด้วย การแก้ปัญหานี้ ให้ใช้ความสามารถ DirectCD Full Erase เพื่อลบ (wrip) ดิสก์ แล้วลองพยายามฟอร์แมตอีก ครั้ง ถ้ายังไม่ได้อีก ก็คงต้องทิ้งแผ่นนี้

ไดรฟ์ CD-RW ไม่สามารถแสดงใน My Computer หรือ Windows Explorer
เป็นผลจากไดรฟ์ถูกปลดออกจากระบบ มีได้หลายสาเหตุ ถ้าไดรฟ์ไม่แสดงใน Explorer ให้คลิก View จากเมนูแล้วคลิก Refresh อาจจะต้องรีบูตคอมพิวเตอร์ (จาก cold start) เพื่อให้ PnP BIOS จำไดรฟ์ CD-RW ได้ใหม่ ลำดับต่อมา ให้ตรวจสายของไดรฟ์ให้แน่ใจว่าสายเพาเวอร์เสียบไว้ถูกต้องและแน่นดีแล้ว ทดสอบไฟจ่ายเข้าโดยกดเปิด และปิดถาดโดย ใช้ปุ่ม Eject และให้แน่ใจว่าสายสัญญาณ SCSI หรือ IDE ของไดรฟ์เสียบไว้ถูกด้านในระหว่างตัวไดรฟ์กับ คอนโทรล เลอร์ของไดรฟ์ อาจเป็นไปได้ว่าคุณได้ติดตั้ง CD-RW ไว้เป็นอุปกรณ์ "Master" IDE ตรวจให้แน่ใจว่าจั๊มเปอร์ของ ไดรฟ์กำหนด ไว้ถูกต้องแล้ว และดูว่าอุปกรณ์ตัวอื่นบนแชนเนลเดียวกันได้กำหนดจั๊มเปอร์ไว้เป็นแบบ "Slave" ถ้าใช้ไดรฟ์ SCSI CD-RW ให้ดูที่ SCSI ID ของ CD-RW ว่าไม่ซ้ำกับอุปกรณ์ตัวอื่น และต่อใน SCSI chain ไว้ถูกต้องรวมถึงส่วนปลายจบด้วยให้แน่ใจได้วาได้ใช้ไดรเวอร์ CD-RW และซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้รุ่นใหม่ล่าสุด ถ้ายังไม่หาย ให้ลองไดรฟ์ CD-RW ตัวอื่นหรือคอนฟิกไดรฟ์นี้ใหม่หมด ให้มีเพียงตัวเดียวบนแชนเนลของคอนโทรลเลอร์

ได้รับแจ้งข้อผิดพลาดเมื่อดับเบิลคลิกไอคอน CD-RW
เป็นไปได้หลายสาเหตุ โดยทั่วไปก็มีสาเหตุจากไดรฟ์ไม่สามารถอ่านดิสก์ได้ ให้ตรวจสอบด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ไม่มีซีดีในไดรฟ์ CD-RW ให้ใส่ซีดีคุณภาพดี และลองทำการอ่านอีกครั้ง
- หลังจากใส่แผ่นซีดี อาจต้องรอสักพักไดรฟ์ CD-RW จึงจะอ่านข้อมูลของดิสก์ เมื่อไฟ LED ที่แผงหน้าหยุดกะพริบ และค้างเป็นสีเขียว ให้คลิกไอคอนของไดรฟ์ CD-RW อีกครั้ง
- เป็นไปได้ว่าซีดีอาจใส่ในไดรฟ์ไว้กลับด้าน หรือวางเยื้องศูนย์กลางไปเล็กน้อย ให้ใส่แผ่นซีดีใหม่อีกครั้ง วางให้ด้านฉลากหงายขึ้น
- คุณอาจกำลังอ่านแผ่นเปล่าของ recordable CD อยู่ ให้คัดลอกข้อมูลบางอย่างเข้าในดิสก์ และลองอ่านอีกครั้ง

ได้รับแจ้งข้อผิดพลาดว่า "invalid mewdia" เมื่อพยายามจะบูตจาก CD-RW
เกือบทุกแพล็ตฟอร์มในปัจจุบัน เป็นไปได้ว่าจะบูตจากไดรฟ์ CD-RW แทนฟลอบปี้ดิสก์และฮาร์ดดิสก์ ข้อผิดพลาด "invalid mewdia" จากไดรฟ์ CD-RW โดยทั่วไปหมายถึงว่าดิสก์ไม่มีไฟล์บูตสแตรปที่จำเป็นต้องการเริ่มต้นกระบวนการบูตและโหลดระบบปฏิบัติการ หรือก็เป็นที่ตัวดิสก์เองที่ไม่ได้สร้างไว้เป็นแบบบูตได้ ให้ลองใช้แผ่นที่บูตได้
การแก้ปัญหานี้ ให้นำดิสก์นี้ออกจาก CD-RW ระหว่างบูต ไบออสจะข้าม CD-RW และไปยังไดรฟ์ตัวถัดไปที่กำหนดไว้ใน Boot order

อ่านแผ่นดิสก์ไม่ได้
ระบบปฏิบัติการแจ้งว่า "secter not found" . "drive not ready" หรือข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่เป็นเรื่องของการอ่าน (read) แผ่น ให้ตรวจที่แผ่นดิสก์ว่าใช้ถูกฟอร์แมตหรือไม่ วางแผ่นให้ถูกต้อง และเป็นแผ่นที่สะอาดอีกอย่างหนึ่งคือ ให้ตรวจสอบสายจ่ายไฟและสายสัญญาณระหว่างไดรฟ์และการ์ดคอนโทรลเลอร์ ให้แน่ใจว่าเสียบไว้ถูกต้องและแน่นดีแล้ว ถ้ายังไม่หายก็เป็นไปได้ว่าหัวอ่านแสงหรือส่วนอีเล็กทรอนิกส์ของไดรฟ์น่าจะบกพร่อง ทางออกที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนไดรฟ์ตัวใหม่

พบกับคำแจ้งข้อความผิดพลาดว่า "not ready reading from drive D: "
ถ้าไบออสจำไดรฟ์ได้อย่างถูกต้อง และแสดงเป็นรายการใน Device Manager ถูกต้องด้วย ปัญหานี้น่าจะอยู่ที่ตัวสื่อ หรือกลไกอื่น ให้แน่ในว่าใช้ดิสก์ถูกชนิดและใส่ไว้อย่างถูกต้องดีแล้วในไดรฟ์ ควรตรวจสอบกิจกรรมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในไดรฟ์ และเสียงมอเตอร์หมุนแผ่นดิสก์ด้วย ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเลย ไดรฟ์อาจจะเสียแล้วก็ได้

Windows XP อ่านดิสก์ข้อมูลได้ แต่ไม่สามารถเล่น CD audio ได้
เกือบจะทุกกรณีจากการที่ Windows XP ไม่ได้ติดตั้ง audio codecs ที่ถูกต้องสำหรับการชฃซับพอร์ต CD audio playback ให้เปิด Control Panel เลือก Sounds , Speech and Audio Devices เลือก Sounds And Audio Devices แล้วคลิกแท็บ Hardware กับ Audio Codecs ถ้าไม่มีอยู่ในรายการนี้ คุณก็จำเป็นต้องเพิ่มมันเข้า ไปด้วย Add New Hardware Wizard

Windows XP ไม่แสดงไดรฟ์ซีดี 
พบว่าใน Device Manager หรือ My Computer ไม่แสดงรายการของไดรฟ์ซีดีไว้เลย คุณยังอาจพบว่ามีรายการของ DVD/CD- ROM ใน Device Manager แต่มีเครื่องหมายคำถามกำกับอยู่ด้วย สิ่งนี้เป็นปัญหาจาก ซอฟต์แวร์ ที่มาจากการใช้ไดรเวอร์ผิด ให้เปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Properties ของรายการนั้น และเลือกแท็บ Drive แล้วคลิก Uninstall ถ้ามีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีเครื่องหมายคำถามกำกับอยู่ ก็ให้ถอนออกไปทุกตัวที่เป็นเช่นนี้ ในตอนนี้ให้ใช้เมนู Action เลือก Scan for hardware changes ซึ่งให้ผลทำให้ Windows XP ตรวจจับฮาร์ดแวร์ใหม่อีกครั้ง และติดตั้งใหม่โดยใช้ไดรเวอร์ที่เหมาะสมให้ ถ้าไม่พบไดรเวอร์ XP สำหรับไดรฟ์ซีดีที่ใช้งาน อยู่ให้ติดต่อกับผู้ผลิต ไดรฟ์ เพื่อหาไดรเวอร์ที่เหมาะสมใหม่อีกครั้ง

ได้รับแจ้งข้อความว่า "CD-ROM can run , but results may not be as expected"
พบใน Windows 9x/Me ที่ใช้ไดรเวอร์แบบเรียลโหมด ซึ่งหมายถึงว่าไดรฟ์รันใน MS- Dos Compatibility Mode ถ้าไดรเวอร์โปรเท็กซ์โหมดพร้อมใช้งานได้อยู่ ก็จะใช้ไดรเวอร์เหล่านั้นแทน ทางออกคือคุณควรจะ ดาวน์โหลดและ ติดตั้งไดรเวอร์แบบโปรเท็กซ์โหมดจากเว็บไซต์ของผู้ผลิต

เมื่อพยายามจะเข้าดูลิสต์ของไดเรกทอรี กลับพบคำแจ้งข้อความว่า "Not reading drive [ตัวอักษรระบุชื่อไดรฟ์]:"
สิ่งนี้เป็นปัญหาของการสื่อสารระหว่าง SCSI host controller และ CD-ROM ,CD-RW เป็นเหตุให้ได้ SCSI ID ไม่ตรงกับที่ไดรฟ์ต้องการ ขั้นตอนแรกให้ปิดเครื่อง และตรวจดูไดรฟ์ว่าถูกเชื่อมต่อไว้ ถูกต้องกับ SCSI host controller และต้องแน่ใจว่าใส่แผ่นซีดีในไดรฟ์ไว้ถูกด้านด้วย ถ้ายังไม่หาย ให้เปลี่ยนค่ากำหนดสวิตช์ของไดรฟ์ เพื่อเลือกหมายเลข ให้อุปกรณ์ SCSI ใหม่ รีบูตเครื่องและพยายามเข้าดูลิสต์ของไดเรกทอรีใหม่อีกครั้ง ถ้ายังมีคำแจ้งข้อผิดพลาดเดิมอีก คุณอาจต้องลองหมายเลข SCSI device ID ใหม่หลาย ๆ เลข และคุณยังอาจต้องอัปเกรด SCSI controller ด้วย อะแด็ปเตอร์แบบ PnP ที่ออกแบบมาสำหรับบัส PCI

คุณไม่สามารถเข้าถึงตัวอักษรระบุไดรฟ์ซีดีรอมใน DOS ได้เลย
บางทีไดรฟ์ยังคงทำงานได้อย่างปกติใน Windows 9x/Me/XP แต่คุณก็อาจพบคำแจ้งข้อผิดพลาดเช่น " Invalid drive specification" เมื่อพยายามจะเข้าใช้ไดรฟ์ใน DOS ค่อนข้างชัดเจนทีเดียว ในเมื่อไดรฟ์ยังทำงานได้ดี แต่เกิดปัญหากับการใช้ไดรเวอร์เรียลโหมดของซีดีรอม ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าไม่ได้มีการโหลดไดรเวอร์ low-level หรือ MSCDEX ตรวจไฟล์ CONFIG.SYS และดูว่าส่วนไดรเวอร์ low-level ของไดรฟ์ซีดีกำหนดรายการไว้ถูกต้องหรือไม่ แล้วตรวจสอบที่ไฟล์ AUTOEXEC.BAT ในบรรทัด MSCDEX และตรวจสอบถึงสวิตซ์ของแต่ละบรรทัดคำสั่งด้วย

พบคำชี้แจ้งข้อผิดพลาดว่า cd-rom drive is not found
ปัญหาเช่นนี้อาจเกิดการโหลด ไดรเวอร์ด้วย เป็นไปได้หลายสาเหตุ ที่ไม่พบ ฮาร์ดแวร์ไดรฟ์ ปัญหา จากไฟจ่ายและสัญญาณก็เป็นไปได้ ให้แน่ใจว่าเสียบสายไฟ แบบ4พินไว้ถูกต้องและแน่นดีแล้ว ถ้าไดร์ต่อด้วยสายแยกแบบสาย Y ก็ให้เปลี่ยนไป ใช้แบบสายต่อตรงจากเพาเวอร์ซัพพลาย ใช้โวลต์มิเตอร์วัดแรงดัน+5 โวลด์ (พิน4) และ +12 โวลด์(พิน 1) ถ้าแรงดันตัวใดตัวหนึ่ง (โดยเฉพาะค่า+12โวลด์) ต่ำมากหรือไม่มี่ค่าเลย ให้เปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลายใหม่ ต่อมาให้ดูที่สายสัญญาณของไดรฟ์ว่า เสียบสายไว้ถูกต้อง แล้วที่ ตั้งตัวไดรฟ์และส่วนคอนโทรลเลอร์ ถ้าสายหักหรือเสียหายก็ให้เปลี่ยนสายใหม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่ากำหนด Master/ Slave drive ID บนไดรฟ์ไม่ได้ขัดแย้งกับไดรฟ์อื่นที่อยู่บนแชนแนลเดียวกัน (ซึ่งเป็นสิ่งที่มักหลงลืมกัน ในการติดตั้งใหม่ หรืออัปเกรด) ถ้าซีดีรอมใช้อินเตอร์เฟรช SCSI ให้แน่ใจว่าสาย SCSI bus ต่อปลายทั้งสองไว้ถูกต้องแล้ว ถ้ายังไม่หายให้ เปลี่ยนไดรฟ์คอนโทรลเลอร์เป็นอันดับแรก ต่อมาถ้าจำเป็นก็ให้เปลี่ยนไดรฟ์ซีดีรอมใหม่ ถ้ายังไม่หายอีก ให้เปลี่ยนยี่ห้อใหม่ด้วย

พบกับคำแจ้งข้อผิดพลาดว่า "Unable to detect ATPAPI CD-ROM drive,device drive not loaded"
แสดงว่าคุณมีปัญหากับการคอนฟิกส์ฮาร์ดแวร์คอนโทรลเลอร์ไดรฟ์ IDE/EIDE/UDMA ให้ตรวจสอบสายสัญญาณ ก่อนเป็นอย่างแรก ให้แน่ใจว่าสายสัญญาณ 40 พินเสียบไว้ถูกต้องระหว่างไดรฟ์และคอนโทลเลอร์ไดรฟ์ ATAPI IDE CD-ROM โดยทั่วไปจะติดตั้งบนพอร์ต secondary 40-pin IDE ให้แน่ใจว่าไม่มีอุปสรรคใด ๆ ในระบบที่ใช้ IRQ หรือ I/O address ค่าเดียวกับพอร์ต secondary IDE ที่ใช้นี้ (แต่ก็ไม่พบัญหานี้เท่าใดในะบบ PnP ในปัจจุบัน) และให้แน่ใจว่าค่ากำหนด Master/Slave ของไดรฟ์ถูกต้องแล้ว ถ้าใช้ไดรฟ์เวอร์ในDOS ให้แน่ใจว่า สวิชต์ของคำสั่ง ในไดรฟ์เวอร์ low-level ใน CONFIG.SYS กำหนดไว้ถูกต้องแล้ว หรือลองบูตจากดิสเกตต์สตาร์ตอัปของ Window 98/ME/XP แบบให้ซัพพอร์ตไดรฟ์ซีดี

ถาดไม่เปิ
หากเป็นกรณีที่จ่ายไฟและระบบรู้จักไดรฟ์นี้แล้ว มีเพียงสองสิ่งที่จะล็อคถาดของดิสก์ไว้ได้ อย่างแรก ให้ปิดทุกแอปพลิเคชั่น ซึ่งอาจเป็นตัวการล็อคถาดอยู่ เมือปิดซอฟแวร์ใด ๆ ที่รันในฉากหลังแล้ว ให้ลองรีบูตพีซี ดูว่าถาดเปิดได้หรือยัง ถ้าไม่มี ซอฟแวร์ล็อคใด ๆ ล็อคถาดอยู่เลย แผ่นซีดีก็อาจติดคาอยู่ก็ได้ ในกรณีให้ปิดเครื่องพีซี และใช้ลวดแยงเข้าไปในรูฉุกเฉิน เพื่อ ให้ถาดเปิดออก แล้วหยิบแผ่นออกไป

พบว่าไฟ LED ของซีดีรอมติดอยู่ตลอดเวลา
สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาเสมอไป ไดรฟ์ซีดีรอมบางรุ่นใช้ไฟLED เป็นตัวบอกว่าพร้อมทำงานแล้ว แทนที่จะเป็นตัวบอกว่า กำลัง ทำงานอยู่ เมื่อมีแผ่นซีดีโหลดเข้าไปในไดรฟ์ ไฟ LED จะติดและคงติดอยู่อย่างนั้น แม้ว่าจะยังไม่มีการเข้าใช้แผ่นเลย บางรุ่นก็อาจจะแสดงไฟ LED ติดแต่จะกระพริบเมื่อมีเข้าใช้แผ่น หรือบางรุ่นก็จะมีจั๊มเปอร์ฝให้เลือกวิธีแสดงไฟ LED จาก Ready Mode เป็น Busy Mode อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ใช้เรื่องจำเป็นนักที่ต้องมาเปลี่ยนพฤติกรรมของไดรฟ์หนึ่งๆ

2.เคส (CASE)


           Case หรือ "เคส" คือ ตัวถังหรือตัวกล่องคอมพิวเตอร์ หลายคนจะเรียกว่าซีพียูเนื่องจากเข้าใจผิด สำหรับเคสนั้นใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์หลักของคอมพิวเตอร์เอาไว้ข้างใน เช่น CPU  เมนบอร์ด การ์ดจอฮาร์ดดิสก์ พัดลมระบายความร้อน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ Power Supply ซึ่งจะมีติดอยู่ในเคสเรียบร้อย เคสคอมพิวเตอร์ควรเลือกที่รูปทรงสูงๆ เพื่อจะได้ติดตั้งอุปกรณ์ได้ง่าย และควรเลือกเคสที่มีช่องสำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรฟ์ เผื่อเอาไว้หลายๆ ช่อง ในกรณีที่ต้องการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมในภายหลังจะได้ง่ายขึ้น

รูปแบบของ Case


1.Case แนวนอน


2.Case แนวตั้ง






             รูปร่างของ เคส(Case) จะแตกต่างกันไปตามแต่การออกแบบของผู้ผลิต ส่วนวัสดุที่ใช้ทำเคสนั้น มีทั้งโลหะ พลาสติก อะลูมิเนียม อะคลีลิก และก็วัสดุผสม

3.ซีดีรอมไดร์ฟ (CD-ROM Drive)

             ก่อนนี้สังเกตจากการถอดฝาบนออกแล้วถาด CD ไม่มีอาการติดขัดเลย ปัญหาจึงมาโฟกัสตรงที่ฝาบนว่ามันมีอะไร ลองเอาไขควงแปะๆ ดู ปรากฏว่าดูดหนับ จึงมั่นใจว่าใช่เลย แม่เหล็กตัวนี้แน่ๆ ที่บทความว่าไว้ เริ่มกันเลย

DVD-RW LiteON เปิดถาดไม่ออก

              DVD-RW Lite-ON ที่เปิดไม่ออกต่ออยู่กับสาย power ที่มากับ IDE to USB Converter อันนี้จริงๆ ไม่จำเป็นต้องเสียบ power

แกะแม่เหล็ก DVD Liteon ถาดเปิดไม่ออก

              DVD-RW Lite-ON ของผมรุ่นนี้มันง่ายตรงที่ไม่เห็นว่าจะต้องใช้ไขควงแกะน็อตสักตัว แงะพลาสติกขาวๆ ด้านบนออกเลยแค่เป็นกาวยางติดไว้เฉยๆ

DVD-RW Liteon เปิดถาดไม่ออก แกะดูแม่เหล็กด้านใน

               ด้านในเป็นตัวแม่เหล็กดูดตัวหมุนในเครื่องอ่าน

DVD-RW Liteon เปิดไม่ออก เปิดฝาด้านบน เอาแม่เหล้กออก

             ดึงมันออกมาเลยเป็นแม่เหล็กชิ้นนึง

DVD-RW Liteon แม่เหล็กสำหรับดูดตัวหมุนหัวอ่าน

               เจ้าตัวนี้แหละที่จะโดนบูชายัญ

เผาแม่เหล็กดูดตัวหมุนหัวอ่าน DVD-RW

                เผามันซะ ตรงนี้จากบทความเค้าว่าประมาณ 5 วินาที ตอนแรกลองแหย่ๆ แค่ 3-4 วิ ไม่ได้ผล ลองอยู่หลายรอบไม่ได้ คราวนี้เลยเผาเอา เผาเอาน่าจะได้สัก 10 วิ ติดต่อกัน ลองเอาเหล็กอะไรก็ได้แหย่ดู จะเห็นได้ชัดว่าความแรงแม่เหล็กลดลงจริงๆ ถ้าหากลนนานเกินไปเค้าว่าให้ไปขอแรงจากแม่เหล็กก้อนใหญ่กว่าเอาแปะๆ ถูๆ แรงก็กลับมา แล้วเราค่อยมาลนกันใหม่

ทดสอบ DVD-RW Liteon เปิดไม่ออก

               ประกอบกลับเข้าไปเหมือนเดิมเตรียมทดสอบ

DVD-RW Liteon เปิดไม่ออก เปิดออกได้สำเร็จ

           เอ้า มันออกมาแล้วจริงๆ ลื่นปื้ด ลื่นปื้ด

4.เพาเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)

COMPUTER ATX SWITCHING POWER SUPPLY
        การตรวจสภาพอย่างแรกเลย คือ 5โวลทสแตนบาย 5vsb=stand by โดยให้ปลอดภัย ต่อเครื่อง และช่วยวิเคราะห อาการด้วย ควรใช้หลอด 60 วัตต กั้น ไฟ 220โวลท เมื่อเสียบปลั้ก220 แล้ว หลอด60วัตต ควรจะสว่างวาบแล้วหรี่ดับ ถ้าสว่างตลอด ต้องหาการชอต ต่อมา ถ้าหลอดวาบปกติ ก็ลองวัด ไฟ 5 โวลท สแตนบาย สายสีม่วง(ลำดับที่2บน 20พิน)
        เมื่อปกติก็ ต่อ สายเขียว ลง กราวด์ ใช้ลวดเสียบรูสายเขียวกัยสายดำ และใช้หลอดไฟรถยนต์ พวก12โวลท 8 วัตต 15วัตต มาต่อเป็นโหลดให้ไฟ ออก ได้แก่3.3v-5.0v-12.0v ให้ครบทุกช่อง เพื่อดูการรับโหลด และให้เครื่องจำลองการจ่ายไฟ แบบตำๆๆก่อนดูว่ามีปํณหาหรือไม่ กรณี ฟิวไม่ขาดแต่ไม่มี 5โวลท stand by แต่ หลอด 60วัตต220โวลท วาบปกติ
        ให้ใช้มิเตอร์ ตรวจ ไดโอด 5โวลท stand by ว่ารั่วหรือไม่ ถ้าไม่รั่วต้องย้อนขึ้นไปตรวจภาคสวิชชิ่ง 5โวลท สแตนบายซึ่งก็มีตัวหลักๆๆTR 2 ตัวคือ
c5027หรือ02n6+ กับ tr ตัวเล็กๆๆ เบอร c945.....จริงๆๆ คือ 2sc 945 
รูปที่แนบมาด้วย
ภาพที่แนบมา ภาพที่แนบมา ภาพที่แนบมา ภาพที่แนบมา ภาพที่แนบมา

5.แรม (RAM) (Random Access Memory)

วิธีการซ่อมแรม
       ทำการไล่เป่าไปทุกๆชิปและเป่าย้ำทั้งแผ่นอีกรอบก่อนปิดงาน แล้วก็ไปทำซ้ำทั้งหมดอีกด้านของแรม รอเย็น จะใช้พัดลมเป่าระบายช่วยก็ได้ พอเย็นลงให้ใช้ทินเนอร์หรือน้ำยาล้างชิ้นงานทำความสะอาดทั้งแผ่น พอแห้งก็ใช้ยางลบขัดถูขาของแรมอีกหน่อย ที่ผมลองทำไป มีDDR   5แผ่น DDR2  4 แผ่น  DDR3  อีก6 แผ่น หลังเป่ากลับมาใช้งานได้หมด (ปกติเห็นความจำครบทุกตัว)
       
*** ยกเว้นก็แต่แผ่นที่ไหม้ หรือขาขาด

6.ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)

จะขออธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับปัญหา Badsector ดังนี้
 - ฮาร์ดดิสก์ ​อ่อนไหวต่อแรงกระแทกค่อนข้างมาก ดังนั้น​ไม่ควรกระทำการใดๆ​ ​ที่ทำให้เกิดแรงกระแทกต่อตัวฮาร์ดดิสก์ ​เพราะ​จะทำให้เกิดปัญหา Bad Sector ​ได้ง่าย
   ตัวอย่างของแรงกระแทก ​ได้แก่
   1.1 กรณี​ที่ตัวเคสวางอยู่​ใต้โต๊ะทำงาน แล้ว​ขา​ไปกระแทกเคส ในขณะ​ที่เครื่อง​กำลัง อ่านหรือเขียนข้อมูลอยู่​
   1.2 กรณี​ที่มีการขนย้ายเครื่อง ตัวฮาร์ดดิสก์​จะไม่มีตัวป้องกันแรงกระแทกเลย​ ​เนื่องจากตัวมันเอง​จะถูกยึดติดอยู่​​กับเคส ​และตัวเคส ​ส่วนใหญ่เวลา​ที่มีการเคลื่อนย้าย มักไม่มีการ*บห่อใดๆ​ เลย​
   1.3 การติดตั้ง​โดย​ที่ขันน๊อตไม่ครบ ​ทั้ง 4 ตัว ​โดยปกติในการติดตั้งฮาร์ดดิสก์เข้า​กับตัวเคสเรา​จะ​ต้องยึดน๊อต​ทั้งหมด 4 ตัว ​เพื่อให้เกิด​ความมั่นคง​และแข็งแรง เมื่อเรายึดน๊อตไม่ครบปัญหา​ที่ตามมา​คือตัวฮาร์ดดิสก์​จะมีการสั่นคลอน​และเกิดเสียงดังเวลา​ที่ ทำงาน ​และ​จะเกิดแรงสั่นสะเทือน ​เมื่อ​ใช้​ไปนานๆ​ ​จะก่อให้เกิดปัญหา Bad Sector ​ได้เช่นกัน

 - อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ทุกชนิด ​ต้องการแรงดันไฟ​เพื่อนำ​ไปเลี้ยงให้​กับ​ส่วนต่างๆ​ทำงาน ดังนั้น​แรงดันไฟจึงมีผลต่อประสิทธิภาพ​และการทำงานของฮาร์ดดิสก์​เป็นอย่างมาก ตัวอย่างของ Bad Sector ​ที่มีสาเหตุเกี่ยว​เนื่องมาจากแรงดันไฟ ​ได้แก่
   2.1 เกิดไฟฟ้าดับ​ระหว่าง​ที่ฮาร์ดดิสก์ ​กำลังเขียนข้อมูล ทำให้ ณ จุด​ที่​กำลังเขียนข้อมูลอยู่​นั้น​ไม่สมบูรณ์ ครั้งต่อ​ไป​ที่ในอ่านข้อมูล ตรงนี้ระบบก็​จะไม่​สามารถวิเคราะห์​ได้ว่าข้อมูลตรงนี้ เขียนว่าอย่างไร ​และ​จะรายงานผลออกมาว่า​เป็น Bad Sector
   2.2 เกิดไฟกระชาก ​(​ซึ่งอาจเกิดจากมีฟ้าแลบ หรือฟ้าผ่า บริเวณใกล้บ้านท่าน แล้ว​เกิดไฟฟ้าแรงสูงวิ่งมาตามสายไฟ มาเข้าบ้านท่าน) ขณะ​ที่​กำลัง เขียนข้อมูล
   2.3 ตัวจ่ายไฟ (Power Supply) เกิด​ความบกพร่อง ​โดยอาจ​จะจ่ายไฟ ออกมาไม่สม่ำเสมอ ในขณะ​ที่​กำลังเขียนข้อมูล ​ซึ่งมัก​จะเกิดขึ้น​ ขณะ​ที่มีการ​ใช้พลังงานไฟฟ้ามากๆ​

นั่นก็เป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้HarddiskเกิดBadsectorครับ ส่วนปัญหาที่ตามมาก็จะมีหลายกรณีครับ
เช่น

   - อ่านข้อมูลไม่ได้ พอเข้าไปในโฟลเดอร์ตรงตำแหน่งBad เครื่องค้างโดยไม่ทราบสาเหตุ
   - บูตเข้าวินโดวส์ไม่ได้ วนไปวนมา
   - บูตได้ แต่ไฟล์ของวินโดวส์หาย ฟ้องให้เราRepairอย่างเดียว
   - หนักหน่อยก็จอฟ้า โค้ด ED 
   - เข้าMiniXpไป เก็บงาน/เปิดไดร์ฟไม่ได้ เป็นต้นครับ


   สำหรับวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นนั้น วันนี้ผมจะแนะนำโปรแกรมHDD Regenerator ซึ่งมีอยู่ในแผ่นHiren's Bootนั่นแหละครับ มาช่วยแก้ปัญหา ซึ่งข้อดีคือเมื่อซ่อมแล้วเราสามารถเอาข้อมูลออกมาได้ครับ ซึ่งวิธีนี้ก็วิธีแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้นครับ ทางที่ดีควรรีบแบคอัพข้อมูลไว้ หากHarddiskยังมีประกันอยู่ก็แนะนำให้ท่านส่งเคลมเลย

7.แป้นพิมพ์ (Keyboard)

สำหรับคนที่มีคีย์บอร์ดที่ปุ่มบางปุ่มกดไม่ติด เสียดาย ไม่มีตัง บ้านจนเหมือนผม  

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าไม่ได้เก่งมาจากไหนถ้าหากผิดพลาดประการณ์ใดก็ขออภัยด้วยละกันครับ ผม  
-------------------------------------------------คำเตือน--------------------------------------------------------
1.กรุณาใช้คีย์บอร์ดที่หมดประกันแล้ว(มีประกันผมจะเอามาแยกชิ้นส่วนทำไม  )
2.ถ้าซ่อมแล้วระเบิดให้ทำเรื่องฟ้องศาลกับบริษัทธิ์ผู้ผลิตคีย์บอร์ดของท่านนะครับ(มันจะระเบิดได้ยังไงฟระ  )
3.บลาๆๆๆๆ นึกไม่ออกแล้วครับ นึกออกจะมาใส่เพิ่ม ฮ่าๆๆ  
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


อันดับแรก เรามาเตรียมอุปกรณ์กันก่อนละกัน


1.คีย์บอร์ดRubber Domeเจ้ากรรมของท่านๆล่ะครับ สวดมนต์แผ่เมตตาภาวนาให้มันก่อนชำแหละด้วยนะคร๊าบบบ  
อาการของเจ้าตัวนี้คือ ปุ่มตัว T และ Shift ซ้ายใช้ไม่ได้ครับ
(ยังไม่มีปัญญาซื้อ Mech Keyboardครับ รอได้ BW+รอประกันหมด+มันพัง จะมาชำแหละให้ดูครับ ฮ่าๆๆ)


2.ไขควงเบอร์ที่สามารถไขน็อตคีย์บอร์ดของท่านได้ ผมแนะนำอันนี้นะครับ ซื้อมาจากทุกอย่าง 20 บาท คุ้มมากกกกกก 


3.มองไม่ผิดครับ มันคือดินสอ ตาไม่ฝาดครับ "ดินสอ" เป็นพระเอกของงานเลยทีเดียว แนะนำให้ใช้ 2B นะครับหรือเข้มกว่านี้ได้จะดีมาก 



ทีนี้เรามาเริ่มกันเลย
รูปไม่ค่อยชัดเล้ยยย หากล้องได้แค่นี้ครับ DSLR เพื่อนเอาไปเข้าศูนย์ เฮ้อออออ จะพยายามถ่ายให้ดีที่สุดละกันครับ








นี่ล่ะครับหน้าตาของคีย์บอร์ดเจ้ากรรมของผมตัวนี้ต้องเรียกว่าตัวเก่าครับ ซื้อมาใช้ได้3เดือนพัง!!!!! ครับ แล้วเก็บไว้ 2 ปีจะ3ปีละ  
ไม่ต้องแปลกใจครับที่มันใหม่มากก เล่นเก็บไว้2ปีแล้วจับมาล้างน้ำครับ สบายยย 5555+


พลิกมาดูด้านหลังครับเริ่มจัดการแยกชิ้นส่วนมันซะเลยครับ 


ถ้ามีสติ๊กเกอร์แปะด้านหลัง น็อตมันจะแอบอยู่ครับ ถ้าถอดยากๆอย่าไปแงะงัดงอมันนะครับ เค้าออกแบบมาให้ถอดง่ายๆ


ผมใช้ไขควงเบอร์นี้นะครับ


อ่ะลงมือจัดการถอดมาให้หมดทุกตัวเลย


อุ๊ยย ร่องอะไรมืดๆ ฮ่าๆๆๆ จัดการถอดดดด มันซะ



ว๊ายยยยยยย คีย์บอร์ดเปลือย  มาๆๆ ดูเครื่องในมันกันเถอะ 



นี่เลย RubberDome แผ่นยางบ้านตูดีๆนี่เอง เฮ้ออ ข้างในมันไม่ค่อยมีอะไรหรอกครับ ผมว่า Lycosa ก็มีแค่นี้แหละ  


นี่คือส่วนแผงวงจรมันครับ ใช้รับค่าจากจุดที่กดมา ซึ่งส่วนนี้มันไม่ค่อยพังหรอกครับ ถ้าไม่ได้ทุบมันแรงๆ มากๆจนแผ่นปริ้นเขียวๆแตก  


อันนี้ส่วนบนของคีย์บอร์ดครับ ปุ่มกดมันจะล็อคกับส่วนนี้


ปุ่มชัดๆอีกที มันจะมีสลักยึดอยู่นะครับ ถ้าไม่กล้าถอดจากด้านหน้า ก็มาจิ้มๆสลักด้านหลังก็ได้ครับ 
มันจะหลุดออกมาเอง แล้วก็เอาไปล้างน้ำใส่น้ำยาล้างจานเลย รับรองว่าใหม่จริงๆ  


ทีนี้เราก็ถอด RubberDome ออกมาครับ

มันจะวางแปะไว้เฉยๆ หรือบางรุ่นอาจจะมีอะไรยึดไว้บ้างครับ ค่อยๆถอด อย่าให้มันขาด

ทีนี้เราก็มาถึงขั้นตอนการสรวจเช็คว่ามันพังตรงไหน

มาดูที่ตัว RubberDome กันก่อนเลยครับ หาดูว่ามันมีเศษฝุ่นเศษอะไรติดอยู่ใต้ปุ่มหรือเปล่า หรือบางทีมันบางDomeมันฉีกขาดซึ่งส่วนมากไม่มีหรอก  

นี่ครับ ของผมไม่มีปัญหาเลย อ้าว!!!!! แล้วตกลงมันเป้นเพราะอะไรเนี่ยที่กดไม่ติดงั้นเราไปดูกันต่อ

มาถึงส่วนสำคัญของคียบอร์ดชนิดนี้ครับ มันคือ!!!!!!

แผ่น PCB ครับ ขีดขาวๆนั่นคือตัวนำไฟฟ้าชนิดหนึ่งนะครับคืออะไรไม่รู้ ผมดูแล้วมันบอบบางมาก ถ้ามีอะไรไปขูดรับรองว่าลายลอกแน่นอน  
ตรงนี้มันจะมี3แผ่นวางซ้อนกันอยู่ครับ

มี แผ่นบน แผ่นกลาง แผ่นล่าง
-แผ่นบน ลายวงจรขาวๆ จะอยู่ด่านล่างครับ
-แผ่นกลาง เป็นแผ่นใสๆ มีรูกลมๆ ซึ่งเอาไว้เวลาที่เรากด แผ่นบนกับแผ่นล่างมันจะติดกัน เกิดเป็นตัวหนังสือมาที่จอเรานั่นเอง
-แผ่นล่าง ลายวงจรจะอยู่ด้านบนครับ


เรามาตรวจสอบกันว่า ทำไมมันถึงกดไม่ติด เริ่มหากันเลยครับ หาด้วยตาเปล่าๆนี่แหละ ว่ามันมีลายวงจรตรงไหนขาดบ้าง
เพื่อให้หาง่ายขึ้นนะครับ ลองดูแถวๆปุ่มที่กดไม่ติดนะครับ ไล่ไปตามเส้นเรื่อยๆๆ เดี๋ยวเจอครับ
  
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

นั่นไง!!!!  




ชัดเจนครับ ลายวงจรขาดเห็นๆเลยครับ ขาดแค่นี้เองโว๊ยยย ตูจะไปซื้อใหม่ทำไม  
จากจุดในรูปของผมนะครับมันเป็นที่แผ่นด้านล่าง ซึ่งเป็นตัว T แล้วมันก็ดันเป็นเส้นเดียวกับ Shiftซ้ายด้วย
ไม่ต้องไปสืบที่ไหนไกลครับ อิตัวนี้แน่นอน ตัวปัญหา!!!!!
  

เออตูรู้แล้วว่ามันขาด แล้วจะให้เชื่อมมันยังไง บัดกรีด้วยตะกั่วก็ไม่ได้ PCB ละลายแน่นอน  

ไปตามพระเอกของเรามาครับ  
ไส้ดินสอมีส่วนประกอบของคาร์บอนซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้าจ้า มันมีที่เรียกว่า Conductor pen ด้ามละ900ไห้ตายเหอะ เสียดายตัง

***ผมถนัดขวานะ แต่มันต้องถ่ายรูป 555+

นี่เลยพระเอกมาแล้ว ระบายลงไปในช่องที่ขาดเลย เน้นๆ แล้วก็ระบายยาวๆกว้างๆหน่อยก็ดี เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะเชื่อมกันดี
จะได้แบบนี้แหละ



ผมลงทุนลบรอยดินสอออกแล้วระบายใหม่เพื่อชาว FPS Thailand เลยนะครับเนี่ย  

ทีนี้มาเช็คที่ส่วนของ PCB เขียวๆครับ

ตัวดำๆเรียกว่า C หรือ Capacitor ครับถ้ามันเก่ามันเสื่อม มันจะบวมๆครับ 
ถ้าCของท่านบวม ไปซื้อมาเปลี่ยนได้ครับ จำค่าเอาไปซื้อมาหรือให้ร้านเปลี่ยนให้ก็ได้ครับ

****ส่วนมากมันไม่พังหรอก

เช็คเสร็จแล้วก็จัดแจงประกอบร่างซะเลยครับ


มาเสียบลอง


กดๆๆๆๆ

เฮ้ย!!!!  ตัวTไม่ติดShiftก็ใช้ไม่ได้ Shiftหาย!!!!!
หน้าแตกละตู  

ทำไงดีครับ ไม่ต้องคิด ผมรื้อออกมาระบายใหม่ครับ โอ๊ยยย น็อตก็ใส่ไปหมดแล้ว เฮ้ออออ 
เอาเน้นๆ รื้อแบบยังเสียบสายอยู่ด้วย







ตัว t มาแล้วว

ไหนลองกด Shift หน่อย






            เท่านี้คีย์บอร์ดสุดเลิฟของเราก็จะฟื้นคืนชีพ กลับมาใช้งานตามปรกติด้วยการลงทุนเพียงแค่............ไม่เสียตังซักบาท!!!! 
เพราะใช้ของที่มีอยู่ก่อนแล้วครับ